Sparkly Santa Hat Ice Cream

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

รายงานแปลหนังสือ


รายงานการแปลสรุปบทความ
วิชา การออกแบบตัวอักษรเพื่อการพิมพ์ (Typefaces design)
แปลสรุปบทความโดย
นางสาว ยุวดี บุสดีวงศ์  5711312206  กลุ่มเรียน :101
สาขาวิชา :ศิลปกรรม แขนง :ออกแบบนิเทศศิลป์
นำเสนอ
ผศ.ประชิด ทิณบุตร
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558
มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม


คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการออกแบบตัวอักษรเพื่อการพิมพ์มีเนื้อหาเกี่ยวกับบทความต่างๆที่ได้หามาจากหนังสือทั่วไปที่มีการเผยแพร่จริง มีเนื้อหาภายในเกี่ยวกับวิวัฒนาการของงานกราฟิก ตัวอักษรต่างๆ มีทั้งความหมายของตัวอักษร ประวัติต่างๆ ที่ได้มีการเรียบเรียงไว้ในหนังสือสามารถให้ความรู้แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากมีการผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี่ด้วย
ผู้จัดทำ
                                                                                                นางสาว ยุวดี บุสดีวงศ์  

รายงานการแปลสรุปบทความ
บทความที่ 1 เรื่อง    TYPE CATEGORIES
TYPE CATEGORIES
Like the alphabet itself, typographic design has under- gone a long development. A brief look at its history will help you assemble and recognize types with similar attributes, or type categories. History provides a key to proper use.
The type category we refer to as old style, with gently blended serifs leading into thick and thin strokes, was created around 1470 by Nicolas Jenson, a French printer working out of Venice. French typographer Claude Garamond based a typestyle now known as Garamond on Jenson's design. This classic remains
แปลด้วยความเข้าใจและเรียบเรียงให้ถูกต้อง
หมวดหมู่ประเภท
เช่นเดียวกับตัวอักษรตัวเอง, การออกแบบการพิมพ์ได้หายไปภายใต้การพัฒนานาน ดูสั้นที่ประวัติของมันจะช่วยให้คุณรวบรวมและรับรู้ชนิดที่มีลักษณะคล้ายกันหรือพิมพ์ประเภท ประวัติความเป็นมาให้กุญแจสำคัญในการใช้งานที่เหมาะสม
ประเภทประเภทที่เราจะเรียกรูปแบบเช่นเดิมกับเซอริฟผสมเบา ๆ นำเข้ามาในจังหวะที่หนาและบางที่ถูกสร้างขึ้นรอบ 1470 โดยนิโคลัเจนสันเครื่องพิมพ์ฝรั่งเศสการทำงานออกจากเวนิซ ผ้าขี้ริ้วฝรั่งเศส Claude Garamond ตาม typestyle ปัจจุบันเป็น Garamond ในการออกแบบเจนสัน ยังคงมีความคลาสิกอยู่
  
บทความที่ 2 เรื่อง    Looking at Type
Looking at Type
          Within its broad parameters typography contains a wealth of specialised terminology, which designers and printers use when examining or describing typefaces and their associated characteristics. Whilst each term has a specific meaning, some of these definitions have become distorted over time or otherwise altered by common usage, and this can result in confusion. For example, many people incorrectly refer to "obliques' as 'italics' simply because they both slant.    

แปลด้วยความเข้าใจและเรียบเรียงให้ถูกต้อง
การมองประเภท
           ภายในพารามิเตอร์กว้างพิมพ์มีความมั่งคั่งของคำศัพท์เฉพาะซึ่งออกแบบและเครื่องพิมพ์ใช้เมื่อการตรวจสอบหรือการอธิบายรูปแบบอักษรและลักษณะของพวกเขาเกี่ยวข้อง ในขณะที่แต่ละคำมีความหมายเฉพาะบางส่วนของคำนิยามเหล่านี้ได้กลายเป็นช่วงเวลาที่บิดเบี้ยวหรือเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นโดยการใช้งานทั่วไปและนี้สามารถส่งผลให้เกิดความสับสน ยกตัวอย่างเช่นหลาย ๆ คนไม่ถูกต้องหมายถึง "obliques 'เป็น' ตัวเอียง 'เพียงเพราะพวกเขาทั้งสองเอียง

บทความที่ 3 เรื่อง    การออกแบบตัวอักษรในงานออกแบบนิเทศศิลป์
การออกแบบตัวอักษรในงานออกแบบนิเทศศิลป์
ตัวอักษรเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบนิเทศศิลป์  ตัวอักษรจะทำหน้าที่อีกหลายประการ เช่น สร้างคุณค่าทางความงามหรือความเป็นสุนทรียภาพให้เกิดขึ้นกับผลงาน การออกแบบทำหน้าที่สร้างจุดสนใจให้เพิ่มมากขึ้น
ความหมายและบทบาทหน้าที่ของตัวอักษร
                พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ..2524 หน้า 1347  ได้ให้ความหมายของคำว่า  “อักษร” ไว้ว่า หมายถึงตัวหนังสือ วิชาหนังสือตัวอักษรมีบทบาทและหน้าที่ในการสร้างความหมายเพื่อสื่อสารให้ผู้รับรู้ได้เข้าใจ และทำหน้าที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งสร้างจุดสนใจ สร้างความโดดเด่น นำเสนอคุณค่าทางความงามการออกแบบตัวอักษรเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ทางด้านการออกแบบที่มุ่งเน้นการออกแบบให้ได้มาซึ่งรูปลักษณ์ของตัวอักษรในรูปแบบต่างๆ ในการใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการสื่อความหมายและแสดงออกในคุณค่าความงาม

แปลด้วยความเข้าใจและเรียบเรียงให้ถูกต้อง
พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ..2524 หน้า 1347  ได้ให้ความหมายของคำว่า  “อักษร” ไว้ว่า หมายถึงตัวหนังสือ วิชาหนังสือตัวอักษรมีบทบาทและหน้าที่ในการสร้างความหมายเพื่อสื่อสารให้ผู้รับรู้ได้เข้าใจ และทำหน้าที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ รวมทั้งสร้างจุดสนใจ สร้างความโดดเด่น นำเสนอคุณค่าทางความงามการออกแบบตัวอักษรเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ทางด้านการออกแบบที่มุ่งเน้นการออกแบบให้ได้มาซึ่งรูปลักษณ์ของตัวอักษรที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
  
บทความที่ 4 เรื่อง    อักษรประดิษฐ์ Lettering Design
โครงสร้างตัวอักษร (Anatomy of letter froms)
1.               Baseline    หมายถึง  เส้นฐานของตัวอักษรแบบพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก เป็นส่วนกำหนดแนวด้านล่างของความสูง (X-Higth)  ของตัวอักษร
2.               Meanlineได้แก่   เส้นขอบบนตัวอักษรแบบพิมพ์เล็กและเป็นส่วนที่กำหนดแนวบนของความสูง (X-Higth)  ของตัวอักษร
3.               Ascender    คือ ส่วนของตัวอักษรแบบพิมพ์เล็กบางตัว ที่ยื่นขึ้นไปส่วนบนเลยระดับของเส้น Meanline ลงมาตัวอักษรที่มี Ascender ดังกล่าวได้แก่ b d f h k l t เป็นต้น
4.               Descenderคือ  ส่วนของตัวอักษรแบบพิมพ์เล็กบางตัว ที่ยื่นลงล่างเลยระดับของเส้น Meanlineลงมา ตัวอักษรที่มี Descenderดังกล่าว ได้แก่  g j p q y เป็นต้น
5.               X-Height   เป็นค่าความสูงของตัวอักษรตัวพิมพ์เล็ก (ไม่นับรวม Ascender และ Descender) ของแบบตัวอักษร (Typeface)หนึ่งๆ   ในความสูงที่เท่ากันของแต่ละแบบตัวอักษร ค่าของ X-Height อาจจะไม่เท่ากัน อาจเพราะ เพื่อทำใหเกิดความเป็นอิสระในการสร้างหรือ ออกแบบที่จะให้สร้างค่าความแตกต่างกันของในแต่ละแบบตัวอักษร
6.               Serif    คือ ส่วนของปลายแหลมที่ยื่นออกมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวาหรือด้านใดด้านหนึ่ง ของส่วนปลายของตัวอักษร
7.               Counter หมายถึง ส่วนของพื้นที่ว่างด้านในของตัวอักษร ที่มีลักษณะกลมหรือจะกลมคล้ายวงรี
แปลด้วยความเข้าใจและเรียบเรียงให้ถูกต้อง
โครงสร้างตัวอักษร (Anatomy of letter froms)
Baseline     เป็นส่วนกำหนดแนวด้านล่างของความสูงของตัวอักษร
Meanline   เป็นส่วนที่กำหนดแนวบนของความสูงของตัวอักษร
Ascender   คือ ส่วนของตัวอักษรแบบพิมพ์เล็กบางตัว ดังกล่าวได้แก่ b d f h k l t เป็นต้น
Descenderคือ  ส่วนของตัวอักษรแบบพิมพ์เล็กบางตัว ดังกล่าว ได้แก่  g j p q y เป็นต้น
X-Height   เป็นค่าความสูงของตัวอักษรตัวพิมพ์เล็กแบบตัวอักษรหนึ่งๆ ในออกแบบที่จะให้สร้างค่าความแตกต่างกันของในแต่ละแบบตัวอักษร
Serif    คือ ส่วนของปลายแหลมที่ยื่นออกมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวาหรือด้านใดด้านหนึ่ง ของส่วนปลายของตัวอักษรCounter หมายถึง ส่วนของพื้นที่ว่างด้านในของตัวอักษร ที่มีลักษณะกลมหรือจะกลมคล้ายวงรี

บทความที่ 5 เรื่อง    การเรียงพิมพ์
การเรียงพิมพ์ เป็นการจัดวางตัวพิมพ์ เพื่อให้เกิดคำหรือข้อความที่เป็นแถวบรรทัด คอลัมน์ หรือเป็นรูปร่างอิสระ การเรียงพิมพ์ในยุคแรก ก่อน พ.. 2490 เป็นการเรียงพิมพ์จากตัวพิมพ์พวกร้อน ทำให้มีข้อจำกัดต่อการออกแบบ เมื่อมีการประดิษฐ์ตัวอักษรพิมพ์พวกเย็นเกิดขึ้น จึงมีผลทำให้นักออกแบบสามารถสร้างสรรค์และจัดเรียงตัวพิมพ์ได้อย่างอิสระตามเจตนารมณ์ได้เต็มที่
แปลด้วยความเข้าใจและเรียบเรียงให้ถูกต้อง
การเรียงพิมพ์ เป็นการจัดวางตัวอักษรเพื่อให้เกิดข้อความที่เป็นระเบียบเป็นแถวเป็นบรรทัด การเรียงพิมพ์ในยุคแรกๆจะจัดทำโดย ตัวพิมพ์แบบพวกร้อน จึงทำให้เกิดการพิมพ์ที่ไม่สะดวกต่อมาได้พัฒนาเป็นพิมพ์แบบพวกเย็นจึงสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น







รายงานออนไลน์แปลสรุปข่าวสารเกี่ยวกับการออกแบบตัวอักษร

รายงานออนไลน์แปลสรุปข่าวสารเกี่ยวกับการออกแบบตัวอักษร
รายงานวิชา : ARTD2304 วิชาการออกแบบตัวอักษรเพื่อการพิมพ์

แปลสรุปบทความโดย

  นางสาว ยุวดี บุสดีวงศ์  5711312206  กลุ่มเรียน :101
สาขาวิชา :ศิลปกรรม แขนง :ออกแบบนิเทศศิลป์
contact Email : yuvadeebus@gmail.com
Publish Blog : http://artd2304-yuvadee.blogspot.com/


 เรื่อง : Skolar
ออกแบบโดย : David Březina
ปีที่ออกแบบ :  2007-2011
สำนักพิมพ์ :   Rosetta
วันที่เปิดตัว :   Jan 28, 2013










 อ้างอิงจาก https://www.myfonts.com/fonts/rosetta/skolar/


About this font family
Primarily intended as a robust, energetic text typeface, Skolar was designed to address the needs of serious typography. The typeface, having seen extensive use across diverse platforms and purposes, continues to maintain its credibility in a variety of contexts while incorporating a subtle personal style. Architecturally, Skolar’s letterforms follow conventional proportions for comfortable reading, while its stylistic details introduce warmth and character.
At the same time, features such as its relatively large x-height, robust serifs, and low contrast make Skolar a reliable choice even at small sizes and for the most complex editorial and academic text settings. Skolar’s vast character set caters for 90+ Latin-script languages, polytonic Greek, 44+ Cyrillic languages, various Latin transliterations (Pinyin, Sanskrit), Devanagari (Sanskrit, Hindi, Marathi, Nepali, …), and Gujarati.

แปลด้วยเครื่องมือแปลภาษา  google translate
เกี่ยวกับครอบครัวของตัวอักษรนี้
เกี่ยวกับครอบครัวของตัวอักษรนี้
วัตถุประสงค์หลักเป็นแข็งแกร่งอักษรข้อความพลัง Skolar ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของการพิมพ์ที่ร้ายแรง อักษรได้เห็นการใช้อย่างกว้างขวางในแพลตฟอร์มที่หลากหลายและวัตถุประสงค์ยังคงรักษาความน่าเชื่อถือในความหลากหลายของบริบทในขณะที่ผสมผสานรูปแบบส่วนบุคคลที่ลึกซึ้ง สถาปัตยกรรม letterforms Skolar ทำตามสัดส่วนเดิมสำหรับการอ่านสะดวกสบายในขณะที่รายละเอียดโวหารแนะนำความอบอุ่นและตัวอักษร
ในขณะเดียวกันยังให้บริการเช่น X-ความสูงที่ค่อนข้างใหญ่ของเซอริฟที่แข็งแกร่งและความคมชัดต่ำทำให้ Skolar เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือแม้กระทั่งที่มีขนาดเล็กและเป็นบรรณาธิการที่ซับซ้อนมากที่สุดและการตั้งค่าข้อความทางวิชาการ Skolar ของชุดตัวอักษรขนาดใหญ่เหมาะสำหรับ 90 + ภาษาละตินสคริปต์ polytonic กรีก 44+ ภาษาซีริลลิ, ทับศัพท์ภาษาละตินต่างๆ (พินอินภาษาสันสกฤต) เทวนาครี (ภาษาสันสกฤตภาษาฮินดี, ฐีเนปาล, ... ) และคุชราต

เรียบเรียงใหม่ให้อ่านรู้เรื่อง ได้ใจความสมบูรณ์ โดยเพิ่มเติมสำนวนหรือข้อความที่รู้เห็นและเข้าใจด้วยตัวเอง
เกี่ยวกับครอบครัวของตัวอักษรนี้
เกี่ยวกับครอบครัวของตัวอักษรนี้
วัตถุประสงค์หลักเป็นแข็งแกร่งอักษรข้อความพลัง Skolar ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของการพิมพ์ที่ร้ายแรง อักษรได้เห็นการใช้อย่างกว้างขวางในแพลตฟอร์มที่หลากหลายและวัตถุประสงค์ยังคงรักษาความน่าเชื่อถือในความหลากหลายของบริบทในขณะที่ผสมผสานรูปแบบส่วนบุคคลที่ลึกซึ้ง สถาปัตยกรรม letterforms Skolar ทำตามสัดส่วนเดิมสำหรับการอ่านสะดวกสบายในขณะที่รายละเอียดโวหารแนะนำความอบอุ่นและตัวอักษร
ในขณะเดียวกันยังให้บริการเช่น X-ความสูงที่ค่อนข้างใหญ่ของเซอริฟที่แข็งแกร่งและความคมชัดต่ำทำให้ Skolar เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือแม้กระทั่งที่มีขนาดเล็กและเป็นบรรณาธิการที่ซับซ้อนมากที่สุดและการตั้งค่าข้อความทางวิชาการ Skolar ของชุดตัวอักษรขนาดใหญ่เหมาะสำหรับ 90 + ภาษาละตินสคริปต์ polytonic กรีก 44+ ภาษาซีริลลิ, ทับศัพท์ภาษาละตินต่างๆ (พินอินภาษาสันสกฤต) เทวนาครี (ภาษาสันสกฤตภาษาฮินดี, ฐีเนปาล, ... ) และคุชราต











อ้างอิงจาก https://www.myfonts.com/fonts/rosetta/skolar/





วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2559

เกี่ยวกับฟอนต์

เกี่ยวกับฟอนต์
          Font  หมายถึง ตัวอักษรที่ต่างกันทั้งแบบและขนาด มีไว้ให้เลือกมากมายเพื่อให้เหมาะกับงานพิมพ์ประเภทต่าง  เช่น ป้ายโฆษณา การพาดหัวข่าว งานพิมพ์เอกสารต่าง  แบบอักษรแต่ละแบบจะมีชื่อ เพื่อให้สะดวกในการเรียกใช้ ดูตัวอย่างข้างล่างนี้ abcd ABCD ABCD
          ไทป์เฟซ หรือ ฟอนต์ หรือในชื่อไทยว่า ชุดแบบอักษร[1] (อังกฤษ: typeface หรือ font) คือชุดของรูปอักขระ (glyph) ที่ได้รับการออกแบบไว้อย่างเป็นเอกภาพด้วยรูปแบบเฉพาะตัว ไทป์เฟซอาจประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข เครื่องหมายวรรคตอน และอาจรวมไปถึงอักษรภาพ (ideogram) เช่นอักษรจีนหรือสัญลักษณ์ต่างๆ เช่นสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์หรือทางเทคนิค

ความแตกต่างของไทป์เฟซกับฟอนต์
           บุคคลทั่วไปมักใช้คำว่า ฟอนต์ (font/fount) เรียกแทนไทป์เฟซ หรือใช้เรียกสลับกัน แต่ในความจริงแล้วมีความหมายที่แตกต่างกัน ไทป์เฟซหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีรูปแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่เล็กเท่าไร เช่น Arial, Arial Bold, Arial Italic และ Arial Bold Italic ต่างเป็นไทป์เฟซคนละชนิดกัน ส่วนฟอนต์จะหมายถึงชุดตัวอักษรที่มีทั้งไทป์เฟซและขนาดเดียวกัน ตัวอย่างเช่น Arial 12 พอยต์ก็เป็นฟอนต์หนึ่ง Arial 14 พอยต์ก็เป็นฟอนต์หนึ่ง Arial Bold 14 พอยต์ก็เป็นอีกฟอนต์หนึ่ง เป็นต้น ในการสร้างเอกสารแบบดิจิทัล ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนขนาดฟอนต์ได้เองในคอมพิวเตอร์ ทำให้ความแตกต่างของไทป์เฟซกับฟอนต์จึงลดความสำคัญลงไป
           สำหรับตระกูลหรือสกุลของตัวอักษร (font/type family) มีความหมายกว้างกว่าไทป์เฟซ กล่าวคือ แบบตัวอักษรชื่อเดียวกันที่อาจมีรูปแบบต่างๆ กัน ถือเป็นแบบอักษรตระกูลเดียวกัน โดยปกติจะมี 4 รูปแบบคือ roman, italic, bold, bold italic แบบอักษรบางตระกูลอาจมี narrow, condensed หรือ black อยู่ด้วยก็ได้ ดังนั้น Arial, Arial Bold, Arial Italic และ Arial Bold Italic ทั้งหมดเป็นแบบอักษรในตระกูล Arial ในขณะที่ Helvetica หรือ Courier ก็เป็นอีกตระกูลหนึ่ง

ตัวอย่างการทดสอบการพิมพ์ไทป์เฟซด้วยขนาดและภาษาต่างๆ 


ลักษณะทั่วไป
เชิงอักษร
          ไทป์เฟซสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ แบบมีเชิง (serif) และแบบไม่มีเชิง (sans serif)  แบบเซริฟคือแบบอักษรที่มีขีดเล็ก  อยู่ที่ปลายอักษรเรียกว่า เซริฟ ดังที่ปรากฏในตัวอักษรตระกูล Times แบบอักษรชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าแบบโรมัน (roman) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอักษรที่จารึกไว้ในหินของอาณาจักรโรมัน เซริฟมีส่วนช่วยในการกวาดสายตาไปตามตัวอักษร ทำให้อ่านง่าย และนิยมใช้สำหรับพิมพ์เนื้อความ
          ส่วนแบบซานส์เซริฟก็มีความหมายตรงข้ามกันคือไม่มีขีดที่ปลายอักษร และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่าแบบกอทิก (gothic) อักษรชนิดนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเนื้อความ แต่เหมาะสำหรับใช้พาดหัวหรือหัวเรื่องที่เป็นจุดเด่นซึ่งมองเพียงครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม ฟอนต์สมัยใหม่ที่ได้รับการออกแบบในคอมพิวเตอร์ อาจมีทั้งแบบเซริฟและซานส์เซริฟปะปนกันในฟอนต์หนึ่งๆ

                  แบบอักษรไม่มีเชิง (ซานส์เซริฟ)

                 แบบอักษรมีเชิง (เซริฟ)


                 "เชิงคือส่วนที่เน้นสีแดง


ความกว้างอักษร
          หากจะแบ่งประเภทตามความกว้างของอักษร สามารถแบ่งได้สองแบบคือ แบบกว้างตามสัดส่วน (proportional) และแบบกว้างขนาดเดียว (monospaced)
          ผู้คนส่วนมากนิยมไทป์เฟซแบบกว้างตามสัดส่วน ซึ่งความกว้างอักษรจะแปรผันไปตามความกว้างจริงของรูปอักขระ เนื่องจากดูเหมาะสมและอ่านง่าย แบบอักษรประเภทนี้พบได้ทั่วไปตามสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมไปถึง GUI ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (อาทิโปรแกรมประมวลคำหรือเว็บเบราว์เซอร์แต่ถึงกระนั้น รูปอักขระที่ใช้แทนตัวเลขในหลายไทป์เฟซมักออกแบบให้มีความกว้างเท่ากันหมด เพื่อให้สามารถจัดเรียงได้ตรงตามคอลัมน์
          ส่วนไทป์เฟซแบบกว้างขนาดเดียวเป็นการออกแบบที่มีจุดประสงค์เฉพาะ มีความกว้างอักษรเท่ากันหมดไม่ขึ้นอยู่กับรูปอักขระ คล้ายอักษรที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์ดีดซึ่งมีคอลัมน์ของตัวอักษรตรงกันเสมอ แบบอักษรชนิดนี้มีที่ใช้ในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์บางชนิดเช่น DOS, Unix และเป็นที่นิยมในหมู่โปรแกรมเมอร์สำหรับแก้ไขซอร์สโคด ศิลปะแอสกี (ASCII Art) เป็นตัวอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใช้อักษรแบบกว้างขนาดเดียวเพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์
           ถ้าหากพิมพ์ตัวอักษรสองบรรทัดด้วยจำนวนอักษรที่เท่ากันในแต่ละบรรทัด ไทป์เฟซแบบกว้างขนาดเดียวเราจะเห็นความกว้างทั้งสองบรรทัดเท่ากัน ในขณะที่แบบกว้างตามสัดส่วนจะกว้างไม่เท่ากัน และอาจไม่กว้างเท่าเดิมเมื่อเปลี่ยนไทป์เฟซ   เนื่องจากรูปอักขระกว้างเช่น W, Q, Z, M, D, O, H, U ใช้เนื้อที่มากกว่า   และรูปอักขระแคบเช่น i, t, l, 1   ใช้เนื้อที่น้อยกว่าความกว้างเฉลี่ยของอักษรอื่นในไทป์เฟซนั้นๆ


การวัดขนาดฟอนต์
          ขนาดของไทป์เฟซและฟอนต์ในงานพิมพ์ โดยปกติจะวัดในหน่วย พอยต์ (point) ซึ่งหน่วยนี้ได้กำหนดขนาดไว้แตกต่างกันในหลายยุคหลายสมัย แต่หน่วยพอยต์ที่แท้จริงนั้นมีขนาดเท่ากับ 1/72
 นิ้ว สำหรับการออกแบบอักษร จะวัดด้วยหน่วย เอ็ม-สแควร์ (em-square) เป็นหน่วยที่สัมพันธ์กับฟอนต์ขนาดนั้นๆ โดยหมายถึงความสูงที่สูงกว่าเล็กน้อยตั้งแต่ยอดปลายหางอักษรที่ชี้ขึ้นบน ลงไปถึงสุดปลายหางอักษรที่ชี้ลงล่างของฟอนต์นั้นๆ เอง ซึ่งเท่ากับความสูงของตัวพิมพ์ในงานพิมพ์ หรืออาจสามารถวัดได้ในหน่วยมิลลิเมตร คิว (1/4 ของมิลลิเมตรไพคา (12 พอยต์หรือเป็นนิ้วก็ได้
          ตัวอักษรส่วนมากใช้เส้นบรรทัดหรือเส้นฐานเดียวกัน (baseline) ซึ่งหมายถึงเส้นตรงแนวนอนสมมติที่ตัวอักษรวางอยู่ในแนวเดียวกัน รูปอักขระของอักษรบางตัวอาจกินเนื้อที่สูงหรือต่ำกว่าเส้นฐาน (เช่น d กับ p) เส้นตรงสมมติที่ปลายหางของอักษรชี้ขึ้นบนและลงล่าง เรียกว่าเส้นชานบน (ascent) และเส้นชานล่าง (descent) ตามลำดับ ระดับของเส้นทั้งสองอาจรวมหรือไม่รวมเครื่องหมายเสริมอักษรก็ได้ ขนาดของฟอนต์ทั้งหมดจะวัดระยะตั้งแต่เส้นชานบนถึงเส้นชานล่าง นอกจากนั้นยังมีเส้นสมมติกำกับความสูงสำหรับอักษรตัวใหญ่กับอักษรตัวเล็ก ความสูงของอักษรตัวเล็กจะวัดจากความสูงของอักษร "x" ตัวเล็ก (x-height) ถ้าเป็นฟอนต์ภาษาไทยให้วัดจากอักษร "ส่วนความสูงของอักษรตัวใหญ่ (cap height) ปกติจะวัดจากเส้นที่อยู่เท่ากับหรือต่ำกว่าเส้นชานบนเล็กน้อยถึงเส้นฐาน อัตราส่วนระหว่างความสูงอักษร x กับเส้นชานบนหรือความสูงอักษรตัวใหญ่มักถูกใช้สำหรับการจำแนกลักษณะของไทป์เฟซ

             เส้นสมมติกำกับฟอนต์ 



          
           ความสูง 1 em คือความสูงของตัวพิมพ์ ดังนั้น em dash จึงหมายถึงอักขระขีดที่ยาวกินเนื้อที่ 1 em อยู่ที่มุมล่างขวาของภาพ 


Lettering design 
          ความหมาย ออกแบบตัวอักษร + ออกแบบตัวพิมพ์ Lettering design 
โดยทั่วไปการออกแบบตัวอักษรส่วนใหญ่จะทำด้วยมือและออกแบบเป็นคำๆ  ภาษาไทย แปลว่า อักขระ  ลักษณะ ของ Lettering
         คำว่า  tyfaces  แยกออกคือ TY - พิมพ์   เช่น พิมพ์ หรือ ตัวพิมพ์  Face -  หน้า  หรือ แบบตัวพิมพ์เป็นส่วนประกอบ หรือตัวแบบภาษาพูด สื่อสารและเข้าใจได้

Lettering design คือ
   ความหมาย ออกแบบตัวอักษร + ออกแบบตัวพิมพ์ Lettering design 
          โดยทั่วไปการออกแบบตัวอักษรส่วนใหญ่จะทำด้วยมือและออกแบบเป็นคำๆ  ภาษาไทย แปลว่า อักขระ  ลักษณะ ของ Lettering
          คำว่า  tyfaces  แยกออกคือ TY - พิมพ์   เช่น พิมพ์ หรือ ตัวพิมพ์  Face -  หน้า  หรือ แบบตัวพิมพ์เป็นส่วนประกอบ หรือตัวแบบภาษาพูด สื่อสารและเข้าใจได้